SSP โชว์ศักยภาพโรงไฟฟ้าฮิดะกะ-COD เรียบร้อย IRR มากกว่า 10% รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินอุดหนุน Energy Storage จ่ายไฟมีเสถียรภาพ

25 June 2018

SSP โชว์ศักยภาพโรงไฟฟ้าฮิดะกะประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตติดตั้ง 21 เมกะวัตต์ประสิทธิภาพสูงจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไม่มีสะดุด ประเมินให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) มากกว่า 10% พร้อมกันนี้รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินอุดหนุนโครงการ Energy Storage ส่งผลให้การจ่ายไฟเข้าระบบมีเสถียรภาพ ดังนั้นตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เตรียมรับรู้รายได้เข้ามาเต็มเหนี่ยว เหตุเสียบปลั๊กขายไฟตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า โครงการโซลาร์ฟาร์ม Hidaka ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 21 เมกะวัตต์ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของบริษัทฯ เนื่องจากกระบวนการก่อสร้างมีความรวดเร็ว เพราะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ดำเนินการแล้วเสร็จและจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา จากเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ดังนั้นจะส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป โดยตลอดระยะเวลาที่เปิดดำเนินมาจนถึงขณะนี้รวมเกือบ 4 เดือนประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบมีประสิทธิภาพดีมากไม่มีการสะดุดเลย

ทั้งนี้ โครงการฮิดะกะมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะเวลา 20 ปี ในราคา 20 เยน/หน่วย โดย SSP ถือหุ้นในสัดส่วน 86.5% ส่วนที่เหลือเป็นของพาร์ทเนอร์จากประเทศญี่ปุ่น สำหรับเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวร้อยละ 20 มาจากเงินลงทุนของบริษัทฯเอง ส่วนที่เหลือร้อยละ 80 ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีต้นทุนดอกเบี้ยถูกมากเมื่อเปรียบกับการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR)ที่ประเมินไว้สูงกว่า 10% นอกจากนี้ในโครงการดังกล่าวรัฐบาลญี่ปุ่นได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง Energy Storage เพื่อจัดเก็บพลังงานผ่านแบตเตอรี่ ซึ่งจะช่วยให้ระบบการจ่ายไฟมีเสถียรภาพ

นายวรุตม์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกำลังการผลิตไฟฟ้าของ SSP ขยับเพิ่มเป็น 74 เมกะวัตต์ จากในปี 2560 ที่ผ่านมากำลังการผลิตอยู่ที่ 52 เมกะวัตต์ และในอนาคตหากทุกโครงการ COD แล้วเสร็จตามแผนงานปี 2561-2563 จะมีขนาดโครงการ 193.8 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 160% จากปัจจุบัน

แนวโน้มผลประกอบการของปีนี้คาดว่ารายได้จะมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลักจากปีก่อน โดยจะเริ่มเห็นสัญญาณบวกได้ตั้งแต่ไตรมาสองนี้แล้ว แต่จะโดดเด่นมากยิ่งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเพราะจะมีการ COD โครงการโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟท็อป รวมกันเพิ่มมาอีก 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้บริษัทฯมีโครงการที่ COD แล้วกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 90 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันกำลังการผลิตที่ COD แล้วอยู่ที่ 74 เมกะวัตต์ และในปี 2562 บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตที่ COD เพิ่มเป็น 107 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 1/62 จากการเริ่ม COD ของโครงการโซลาร์ฟาร์ม Khonshogh Kundi ในประเทศมองโกเลีย กำลังการผลิต 16.4 เมกะวัตต์"นายวรุตม์ กล่าวในที่สุด