เซียนหุ้นเชียร์ซื้อ SSP ล็อกเป้า 11.20บาท หลังปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้อีก 20% คาดโครงการในต่างประเทศเสร็จก่อนกำหนด แถมบริษัทได้โครงการเพิ่มอีกเพียบ

05 September 2018

บล.โกลเบล็กปรับเพิ่มประมาณการกำไร SSP ปีนี้อีก 20% เหตุรับรู้รายได้และกำไรจากโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นที่เสร็จเร็วกว่ากำหนดมาก รวมทั้งโครงการในมองโกเลียมีลุ้น COD ได้ภายในปีนี้ เร็วกว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ต้นปีหน้า ดันกำลังการผลิตรวมขายไฟแตะ 107 เมกะวัตต์ วงการคาดมีลุ้นปรับเพิ่มอีกจากโครงการเวียดนาม 50 เมกะวัตต์ ที่ยังไม่ได้รวมในประมาณการในปีหน้า

บล.โกลเบล็กระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้แนะนำซื้อ หุ้นSSP โดยให้ราคาเหมาะสม 11.20 บาทต่อหุ้น เนื่องจากฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 เพิ่มขึ้น 20% จากประมาณการณ์เดิม หลังจากที่รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 อยู่ที่ 153 ล้านบาท เติบโต 43% จากไตรมาส 1/61 และ 38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับรายได้จากการขายไฟที่เพิ่มขึ้นถึง 30%

สำหรับการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 61 เพิ่มขึ้น 20% อยู่ที่ 556 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกปี 61 มีสัดส่วนเป็น 47% ของประมาณการกำไรทั้งปีแล้ว และปรับกำไรปี 62 เพิ่มขึ้นจากเดิม 29% สู่ 691 ล้านบาท

ทั้งนี้ การคาดการณ์รายได้รวมปี 61 อยู่ที่ 1,193 ล้านบาท เติบโต 36% จากงวดเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดิม 4% โดยมาจากโครงการ Zouen 8 เมกะวัตต์ ที่ COD ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา และคาดว่าโครงการอื่นๆจะสามารถทำได้ตามกำหนดการได้แก่ โครงการโซลาร์รูฟท็อป DoHome โครงการ โซลาร์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จ.ราชบุรี และคาดโครงการ Khunshight Kundi ขนาด 16.4 เมกะวัตต์ ประเทศมองโกเลียน่าจะสามารถ COD ได้ตั้งแต่ ไตรมาส 4/61 เร็วกว่ากำหนดการเดิมที่คาดไว้ในไตรมาส 1/62 ในขณะที่คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จาก 220 ล้านบาทเหลือ 160 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และไม่มีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างหลังจากเปลี่ยนนโยบายบัญชี คาดอัตรากำไรสุทธิปี 61 ราว 47% จากที่ทำได้ 38% ในปี 60

ล่าสุดเข้าลงนามซื้อหุ้นของบริษัท TTQN ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 49.61 เมกะวัตต์ในเวียดนาม โดยคาดโครงการจะเริ่ม COD ได้ภายในไตรมาส 2/62 โดยรัฐบาลเวียดนามรับซื้อค่าไฟแบบ FiT (Feed-in-Tariff) 0.0935 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ เป็นระยะเวลา 20 ปี โดยมูลค่าส่วนเพิ่มของโครงการนี้ยังไม่รวมในมูลค่าเหมาะสมที่ปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าว (รวมโครงการที่มองโกเลียแต่ยังไม่รวมโครงการที่เวียดนาม)

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการ ‘โซเอ็น’ (Solar Farm) ขนาด 8 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 ซึ่งดำเนินการได้เร็วกว่ากำหนด จากเดิมที่จะ COD ในช่วงไตรมาส 4/2561 ซึ่งการดำเนินการพัฒนาโครงการทำได้รวดเร็วกว่าแผนงานโดยงบลงทุนควบคุมได้เป็นไปตามงบประมาณที่กำหนด โดยเมื่อนับรวมกำลังการผลิตจำนวน 3 เมกะวัตต์ ของโครงการ Do Home ที่เริ่ม COD ในช่วงต้นไตรมาสนี้ จะทำให้บริษัทมีกำลังผลิตติดตั้งรวมอยู่ที่ 85 เมกะวัตต์ และบริษัทยังมีโครงการโซลาร์ฟาร์มที่เตรียม COD ภายในปีนี้และต้นปีหน้าอีก 2 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้า อพศ. 5 เมกะวัตต์ และโครงการในมองโกเลีย 16.4 เมกะวัตต์ ซึ่งเมื่อทั้งสองโครงการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจะทำให้กำลังการผลิตติดตั้งที่รับรู้รายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 107 เมกะวัตต์

ในภาพรวม บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในหลาย ๆ ไตรมาสต่อจากนี้ โดยเราวางแผนและควบคุมอย่างดีให้โครงการเป็นไปตามหรือดีกว่ากรอบระยะเวลาและงบประมาณที่วางไว้ รวมทั้งมองหาโครงการใหม่ๆดีๆเพื่อเพิ่มมูลค่าให้บริษัทอยู่เสมอ