Press Releases
SSP หุ้นโรงไฟฟ้าแห่งอนาคต
ในปี 2562 ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ธุรกิจโรงไฟฟ้า ยังสามารถเติบโตได้ดี ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในแต่ละปีสูงขึ้น ดังนั้น จะเห็นว่าปีนี้หุ้นโรงไฟฟ้าจะมีความโดดเด่น และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
"เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น" หรือ SSP ดำเนินธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีบริษัท เสริมสร้าง พลังงาน จำกัด เป็นบริษัทแกน ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ตั้งอยู่ที่ จ.ลพบุรี มีปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา 40 เมกะวัตต์
"วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทยอยลงทุนและเดินหน้า เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ทุกประการ ทำให้ปัจจุบันมีกำลังผลิตติดตั้งรวมทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 140 เมกะวัตต์ หลังจากสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD ) ในโครงการ Binh Nguyen Solar ที่ประเทศ เวียดนาม ขณะเดียวกันคาดว่าภายในสิ้นปี 2562 บริษัทฯมีกำลังการผลิตติดตั้งจะเพิ่มเป็น 157 เมกะวัตต์ จะเพิ่มจากโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มองโกเลีย มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 16.4 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ COD ไปแล้วเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 62
"สำหรับการมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่สำคัญในการผลักดันให้ผลประกอบการทั้งปีเติบโตเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งคาดว่า รายได้เติบโตประมาณ 30-40% รวมทั้งมั่นใจว่า จะยังคงทุบสถิติสูงสุดได้ต่อเนื่อง"
ล่าสุด การที่บริษัทฯได้ลงนามในสัญญาร่วมพัฒนา (Joint Development Agreement) กับกลุ่มบริษัท Truong Thanh Vietnam Group Joint Stock Company (“TTVN”) เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม ขนาดกำลังผลิต 48 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ซึ่งโครงการดังกล่าวจะดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งในประเทศเวียดนาม โดยกลุ่มบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้น 80% และกลุ่ม TTVN มีสัดส่วนการถือหุ้น 20%
บริษัทร่วมทุนดังกล่าว มีทุนจดทะเบียน 400 พันล้านเวียดนามดอง (เทียบเท่า 528.4 ล้านบาท อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ 20 กันยายน 2562 ในอัตรา 0.1321 บาทไทยต่อ 100 เวียดนามดอง) ขณะที่ เรียกชำระทุนเบื้องต้น 14.5 พันล้านเวียดนามดอง (เทียบเท่า 19.2 ล้านบาท)
"การร่วมทุนในครั้งนี้ ถือเป็นผลสำเร็จส่วนหนึ่งของการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีโครงการอื่นๆ อีกต่อไปในอนาคต และส่งผลให้บริษัทฯมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"วรุตม์กล่าว
เขากล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการขยายการลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหลายโครงการ ซึ่งในปี 2563 มีเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตที่ระดับ 196 เมกะวัตต์ จากสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 157 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า จากนี้ไป SSP จะมีรายได้เติบโตตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น จากการทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ซึ่งได้มีการทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึง การที่บริษัทฯตั้งเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตเติบโตกว่า 5 เท่าตัว ภายใน 5 ปีข้างหน้า ย่อมสะท้อนให้เห็นการเติบโตของผลประกอบการในอนาคได้เป็นอย่างดี
จากภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรจากการดำเนินงาน 323.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 284.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 259.3 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 716.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 37% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีรายได้รวมเท่ากับ 523.8 ล้านบาท
นอกจากนี้ หากพิจารณาราคาหุ้น SSP ปัจจุบัน 8 บาทต่อหุ้น มีค่าพีอีเรโชต่ำเพียง 13.73 เท่า หากเปรียบเทียบกับหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ทำให้หุ้นยังมีความน่าสนใจในการลงทุน และคาดหวังผลตอบแทนในระดับที่ดีได้ในอนาคต ซึ่งเหมาะกับการเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าแห่งอนาคต อย่างแน่นอน