Press Releases
SSP เฮ! โรงไฟฟ้ายามากะ COD ก่อนกำหนด หนุนกำลังการผลิตตามสัญญาพุ่งแตะ 135 MW ดันผลงานปี 63 สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
SSP ไม่ทำให้ผิดหวัง! เสียบปลั๊กโรงไฟฟ้า Yamaga ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญา 30 เมกะวัตต์ ก่อนกำหนด ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มขึ้นเป็น 135 เมกะวัตต์ หนุนผลงานปี 63 ทุบสถิติสูงสุดใหม่ บิ๊กบอส “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” แย้มอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม คาดปิดจ๊อบภายในปีนี้ รองรับแผน 3-5 ปี ข้างหน้ากำลังการผลิตแตะ 400 เมกะวัตต์
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Yamaga ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญา 30 เมกะวัตต์ ได้ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เร็วกว่ากำหนด จากเดิมคาดภายในเดือนกรกฎาคม 2563 เมื่อรวมกับการรับรู้รายได้เต็มปีของโซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลีย จะทำให้ปี 2563 มีกำลังการผลิตตามสัญญาโรงไฟฟ้าในมือจำนวน 135 เมกะวัตต์ ผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
“โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Yamaga ประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างเสร็จก่อนกำหนด ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ และตอกย้ำถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทนของ SSP ที่มุ่งเน้นพัฒนาโครงการตั้งแต่ต้น ไม่เน้นการซื้อโครงการที่เสร็จแล้วมาดำเนินการต่อ ซึ่งทำให้ได้ผลตอบแทนในแต่ละโรงไฟฟ้าดีกว่าอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม SSP ก็ไม่ได้ปิดโอกาส หากมีโครงการที่ผลตอบแทนดี ความเสี่ยงต่ำก็พร้อมเข้าลงทุนเช่นเดียวกัน เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น”
นายวรุตม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา SSP พยายามมองหาโครงการใหม่มาเติมในพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับรายได้และกำไรที่เติบโตสูงมาตลอด โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2563 เพื่อไปสู่เป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า แนวโน้มรายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า คาดว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากการมีโรงไฟฟ้าใหม่ๆเริ่มขายไฟมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากฐานจำนวนโรงไฟฟ้าที่ยังไม่สูง เมื่อมีโรงไฟฟ้าใหม่ๆ เริ่มดำเนินการก็จะมีอัตราเติบโตต่อรายได้และกำไรมากขึ้น ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาในรอบ 3 ปีข้างหน้า อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ในเวียดนาม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงแดดในญี่ปุ่นอีก 2 โรง กำลังการผลิต 26 เมกะวัตต์ และ 22 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ทุกโครงการเดินหน้าปกติตามแผนงาน ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด