Press Releases
SSP กำไรปี 65 มาตามนัด เติบโต 51.5% บอร์ดใจดีจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด รวมทั้งปีแจกกว่า 4% มั่นใจปี 68 ขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าโตทะลุ 2 เท่า
บมจ. เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) โชว์ผลงานปี 65 กำไรพุ่ง 51.5 % แตะระดับ 1,302 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จากรับรู้กำไรพิเศษจากขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฮิดากะในญี่ปุ่น ส่วนกำไรหลักจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 20.4% บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.0611111114 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 8 พ.ค. 66 รวมทั้งปีจ่ายปันผล 0.3611111114 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลกว่า 4% ทั้งในส่วนของหุ้นปันผลและเงินสด ฟากบิ๊กบอส “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” มั่นใจ SSP มีความพร้อมทุกด้านสำหรับการเติบโต ตั้งเป้าปี 68 ขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบทะลุ 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 236 เมกะวัตต์
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 443 ล้านบาท หรือ 51.5% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรพิเศษในไตรมาสที่ 2/2565 จากขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฮิดากะ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกำไร 348 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว SSP มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 1,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4 % ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้กำไรเต็มปีของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ , โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 1 ในประเทศญี่ปุ่น สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในประเทศเวียดนาม สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 48 เมกะวัตต์ และนอกจากนี้ยังมีการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าวินด์ชัยฟาร์ม สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 45 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 25% ในเดือนมีนาคม 2565 และจะเห็นว่า โครงการต่างๆที่บริษัทฯเข้าไปลงทุนล้วนเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ สามารถสร้างรายได้ในระดับที่ดีมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสดอีก 0.0611111114 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 8 พ.ค. 2566 กำหนดจ่ายวันที่ 25 พ.ค. 2566 ทั้งนี้ บริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท/หุ้น ในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ .. 2565 โดยจะจ่ายเพิ่มเติมอีก ซึ่งเป็นเงินปันผลสำหรับผลประกอบการในครึ่งปีหลังของปี 2565 อีกในอัตราหุ้นละ 0.0611111114 บาท/หุ้น และเมื่อรวมการจ่ายหุ้นปันผลในอัตรา 10:1 ที่ราคาพาร์ 1 บาท หรือ 0.1 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลตลอดทั้งปีเท่ากับ 0.3611111114 บาท/หุ้น สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น บริษัทจึงได้มีการจ่ายปันผลเป็นเงินสด นอกจากนี้ การจ่ายปันผลเป็นหุ้น จะช่วยให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่พร้อมสำหรับการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทได้มีการเข้าร่วมการยื่นคำเสนอขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ FiT ในประเทศไทย ซึ่งจะมีความชัดเจนในเดือนมีนาคม 2565 การลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 17 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่ามีความพร้อมที่จะจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไตรมาส 4 ปี 2567 การลงทุนเพิ่มเติมในโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะสนับสนุนให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่าตัวทะลุ 500 เมกะวัตต์ ในปี 2568 จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 236 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้จัดตั้งบริษัทลงทุน Sermsang Next Ventures เพื่อลุยธุรกิจใหม่ โดยเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสในการเติบโต และสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สร้าง New S-curve สนับสนุนผลงานในอนาคตให้เติบโตก้าวแบบกระโดด
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า SSP ประสบความสำเร็จในการเป็นโรงไฟฟ้า Renewable เต็มรูปแบบ มีทั้งการเริ่มพัฒนาโครงการตั้งแต่ต้น และการใช้กลยุทธ์ทำ M&A โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้เห็นพัฒนาการในการเติบโตอย่างชัดเจน ทำให้มั่นใจว่าภาพรวมทั้งปี 2566 บริษัทจะมีแนวโน้มรายได้และกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้” นายวรุตม์กล่าวในที่สุด